คุยกับ Karl Fuller แห่ง Kirschental Kennels
คงไม่มีใครในวงการเช็พเพอดใช้งานจะไม่รู้จัก Karl Fuller เจ้าของคอกและบรีดเดอร์สุนัขเลี้ยงแกะผู้ยิ่งใหญ่และโด่งดังที่สุดแห่งท้องทุ่งเยอรมันตะวันตกในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาได้ผลิตสุนัขที่ได้ตำแหน่ง VA ถึง 6 ตัว, แชมป์เปี้ยนสุนัขเลี้ยงแกะ 7 ตัว, ที่ได้ตำแหน่งแชมแปี้ยน HGH รวม 8 ครั้ง และยังได้ผลิตพ่อพันธุ์ 2 ตัว ที่ให้ลูกเป็นแชมเปี้ยน Bundessiegers, ยังไม่มีใครทำได้อย่างเขา
เราพยายามเรียนรู้ วิธีการผสมพันธุ์สุนัขเยอรมันเช็พเพอด โดยใช้เวลาพูดคุยกันนานมากเพื่อศึกษาเกี่ยวกับสายเลือดสุนัขของเขา และวิธีการที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ขนาดนั้น Karl ทุ่มเทเวลาทั้งหมดของเขาให้เช็พเพอดจริง ๆ เขาอยู่ในทุ่งหญ้ากับฝูงแกะและสุนัขของเขาตลอดทั้งวัน ตามปกติเมื่อต้อนแกะออกไปในทุ่งหญ้า ก็จะปล่อยให้มันกินหญ้ากันไปเรื่อย ๆ เป็นชั่วโมง จึงจะย้ายที่ ดังนั้นเขาจึงมีเวลาเหลือเฟือ ที่จะเรียนรู้ความเคลื่อนไหวทุกอิริยาบทของสุนัขเลี้ยงแกะของเขาได้โดยละเอียด
Karl เริ่มผสมพันธุ์เช็พเพอดมาตั้งแต่ปี 1950 โดยในช่วงเริ่มแรก สูตรของเขาคือคัดเลือก คู่ผสมพันธุ์ จากสายพันธุ์ใช้งานชั้นดีมาจับคู่สุนัขที่มีรูปร่างสีสันสวยงามตามแบบที่เขาชอบ เขามีสุนัขต้นสายพันธุ์เพศเมีย ( ในช่วงกลางปี 1950 ) ชื่อ Blanka Mummelsee ซึ่งเป็นตัวถ่ายทอดคุณสมบัติในด้านการใช้งานให้แก่สายพันธุ์ Kirschental ของเขา, มันเป็นสุนัขเลี้ยงแกะที่ไม่ได้ผ่านการคัดพันธุ์ แต่ก็เป็นสายพันธุ์เลี้ยงแกะแท้ ๆ ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุแล้ว, Blanka ทำงานเลี้ยงแกะให้เขาจนกระทั่งอายุ 14 ปี
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Blanka ( และสุนัขเลี้ยงแกะรุ่นต่อ ๆ มาของเขา ) ซึ่ง Karl กล่าวถึง คือพวกมันไม่ใช่สุนัขประเภท Tough dog แต่ก็ทำงานเป็นสุนัขต้อนแกะชั้นเยี่ยมจริง ๆ, ในเวลาต่อมาก็เป็นที่ประจักษ์ และชื่นชมในกลุ่มเจ้าของสุนัขต้อนแกะ ( HGH ) ทั้งหลายว่า สุนัขประเภทนี้มีพลังขับที่สูงอย่างน่าอัศจรรย์ที่จะได้ออกไปข้างนอกเพื่อทำงาน และก็แทบไม่จำเป็นต้องมีการควบคุม ( หรือถ้ามีก็น้อยมาก ), มันเรียบร้อย, อ่อนโยนและไม่มีท่าทีแข็งหรือก้าวร้าวเหมือนที่สุนัขชุทซ์ฮุนด์ส่วนใหญ่มักจะเป็น
กลุ่มผู้นิยมกีฬาชุทซ์ฮุนด์ มักจะเรียกสุนัขแบบนี้ว่า “ พวกประสาทอ่อน ” แต่ความจริงคือสุนัขเหล่านี้เองที่นำยีนของพลังขับในการใช้งาน ( Working drive ) เข้ามาสู่สายพันธุ์ สิ่งที่พวกมันไม่มีคือความแข็งกล้าบ้าบิ่นนั้นได้ทดแทนโดยพลังขับ ( ที่จะได้ออกไป ) ในการทำงาน ซึ่งพวกมันมีมากเป็น 2 เท่าของที่มีในสุนัขสายชุทซ์ฮุนด์ส่วนใหญ่ทีเดียว
เรามาลำดับการสืบทอดสายพันธุ์ตั้งแต่ต้นกันมาเลยดีกว่า Karl เริ่มการจับคู่ผสมพันธุ์โดยใช้แม่สุนัขสายใช้งาน HGH ที่ไม่ได้ผ่านการรับรองการคัดพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์ของเขาสืบต่อมาจนถึง Eiko v. Kirschental ซึ่งได้เป็น German Sieger ในปี 1988
Karl จับคู่ Blanka กับ Dolf Altenbachtal ซึ่งเป็นสุนัขเพศผู้ที่สวยมากและมีข้อตะโพก “ ปกติ ” นอกจากนี้ Dolf ยังจัดว่าเป็นสุนัขประเภทแกร่งและเก่ง ( ทั้งในด้าน ชุทซ์ฮุนด์ และ HGH ) อีกด้วย
Dolf และ Blanka ให้ลูกคือ Zita Kirschental ซึ่งได้ตำแหน่ง SG, HGH ต่อมา Dolf ได้ถูกขายไปยังสหรัฐอเมริกา และเป็นสุนัขตัวที่ 3 ในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการรับรองข้อตะโพก ต่อมา Zita ได้จับคู่กับ Eros Buseckerschloss ให้ลูกคือ Isa Kirschental ได้ตำแหน่ง SG เช่นกัน Isa ได้ผสมกับ V1 Asslan v. Klammle ได้ลูกครอกชื่อตัวอักษร “ N ” ของคอก Kirschental ซึ่งมี Nimi, Negus, VA Nanni ซึ่งลูกสุนัขครอกนี้ เป็นลูกที่มีคุณภาพดีที่สุดจาก Asslan สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับ Asslan คือแม่ของมันไม่ได้ผ่านการรับรองการคัดพันธุ์อันเป็นเหตุให้ Asslan ไม่ได้เป็น VA
Nimi Kirschental ก็เป็นสุนัขใช้งานชั้นเยี่ยมตัวหนึ่ง มันได้ผสมกับ VA 3 สมัยคือ Lasso de Vol Sole และได้ลูกซึ่งก็ได้เป็น VA ถึง 2 สมัย คือ Xitta v. Kirschental SchH3, FH, IPO3, HGH ซึ่งเป็นผลงานที่เยี่ยมยอดของ Karl ในการนำเอาคุณสมบัติของสุนัขใช้งานที่ดีจาก Nimi มาผนวกเข้ากับลักษณะที่สวยงามถูกต้องของ Lasso เพื่อให้ได้ลูกที่มีคุณลักษณะโดดเด่นสมบูรณ์แบบ เช่น Xitta
ต่อมา Xitta ก็ได้จับคู่กับ Sieger Uran Wildsteigerland และได้ลูกเป็น Sieger Eiko Kirschental ( ที่เคยกล่าวถึงในตอนต้น ) ซึ่ง Eiko นี้ ได้ขายไปยังประเทศญี่ปุ่นในปี 1989 พร้อมกับ Sieger Iso Bergmanshof
2X VA1 Uran vom Wildsteiger Land
Karl ได้แสดงให้เห็นกันแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก “ สุนัขชั้นยอด ” เพื่อให้ได้ลูกชั้นเยี่ยมแต่คุณต้องมีสายตาที่เฉียบคม สำหรับมองหาลักษณะการเคลื่อนไหวย่างก้าว และโครงสร้างที่สวยงาม, จึงสามารถประสบความสำเร็จได้เช่น Karl
Karl ยึดแนวทางการผสมพันธุ์สุนัขของเขา โดยใช้พ่อพันธุ์หลักเช่น Lasso, Asslan, Canto และ Quanto เป็นต้นแบบ นำมาจับคู่กับแม่พันธุ์สายใช้งานของเขา น้อยครั้งที่เขาจะใช้แม่พันธุ์ที่สวยงามมาผสมกับพ่อพันธุ์สายใช้งาน เพื่อให้ได้ผลตามความต้องการของเขา แต่ส่วนใหญ่แล้วผลกลับออกมาตรงกันข้าม สิ่งสำคัญในวิธีการของ Karl คือ เขาจะนำเอาลักษณะทางกายภาพมาผสมกับความสามารถ ในการทำงานเสมอ ( ใช้แม่พันธุ์เป็นตัวถ่ายทอดลักษณะด้านความสามารถในการใช้งาน ) บรีดเดอร์หลายต่อหลายคนพยายามจะบรีดสุนัขใช้งานให้มีรูปร่างลักษณะสวยงามแต่ก็ยังไม่มีใครทำได้จริง มีแต่ Karl ที่ทำได้และทำมาตลอดจนถึงปัจจุบัน
Karl มีสุนัขเลี้ยงแกะสายเลือดชั้นยอดที่สืบสายพันธุ์มาจาก Blanka Mummelsee เช่นกันเขาได้ผสม Blanka กับ Bernd Lierburg ลูกครอกนี้ชื่อตัวอักษร “ V ” ซึ่งเขาเก็บไว้เอง 2 ตัว คือ Vefa และ Vrigga
VA 3 Bernd vom Lierberg
Vefa ได้ผสมกับ Bundessieger คือ Racker Itztal ได้ลูกคือ Fenga v. Kirschental
ซึ่ง Racker นี้ เป็นลูกของ Pirol Kirchental หนึ่งในครอกตัว “ P ” ซึ่งประกวดได้ตำแหน่ง V ต้น ๆ ถึง 6 ตัว และ VA เป็นเพศเมีย 1 ตัว คือ Perla Kirschental ( ปี 1967 ) จุดที่น่าสนใจคือในปีนั้น Karl มีสุนัขเพศเมียได้เป็น VA ถึง 2 ตัวคือ Perla และ Senta Kirschental VA2 ซึ่งทั้งคู่เกิดจากแม่พันธุ์ตัวเดียวกันคือ Bora Altbactal ซึ่งเป็นลูกของ Valet Busecherschloss
Fenga มีสีเทา ( กระรอก ) ดำ และเคยได้ตำแหน่งแชมเปี้ยน HGH 2 ครั้ง ช่วงปี 1970 มันเป็นสุนัขต้อนแกะชั้นเลิศที่มีพลังขับมหาศาลจริง ๆ ในการทำงาน แต่มันค่อนข้างจะอ่อนโยนและยอมกับคนซึ่งนั่นก็ทำให้มันเป็นหมาชุทซ์ฮุนด์ที่ดีไม่ได้เลย ต่อมา หลานเพศเมียของ Fenga ที่สืบสายจาก Haddy Kirschental ( ลูกของ Fenga ) ก็ได้ตำแหน่ง Bundessieger ในปี 1988
Karl ได้ผสม Fanga กับ Drigon Furmsmanhof, Bundessieger ในปี 1976 ได้ลูกคือ Uwe Kirscheutal ซึ่งลูกของ Uwe คือ Dunja ( ซึ่งขายไปอเมริกา ) ก็ได้เป็น Bundessieger เช่นกันในปี 1986 สำหรับ Drigon เอง ก็คือลูกของ Enno Antreftal, Bundessieger ปี 1974 ลูกที่ได้จาก Enno โดยแม่พันธุ์ของ Karl นั้นหลายตัวที่ทำให้เขาเชื่อมั่นในผลงานด้านแรงขับในการใช้งานของ Fenga มาก Karl กล่าวถึง Fenga, Vefa และ Bernd Lierburg ว่าพวกมันเป็นพ่อ, แม่พันธุ์ที่ให้ลูกที่มีข้อตะโพกดีมาก
Fenga ได้จับคู่กับ Argus Klammle ( ซึ่งถ่ายทอดคุณลักษณะที่สวยงามเหมือน Asslan ) และได้ลูกคือ Hanni Kirschental แชมเปี้ยน HGH ปี 1983 และยังได้จับคู่กับ Vasko Kirschental ซึ่งให้ลูกคือ Winnie Kirschental แชมเปี้ยน HGH ปี 1986 ( Winnie วิ่งไม่เป็น แต่ใช้การกระโดดตัวลอยไปเรื่อย ๆ)
Winnie ได้ผสมกับ Eiko Kirschental ได้ลูกคือ Amie (เรียกกันว่า, Ulma) มันสืบทอดลักษณะการเคลื่อนไหวเหมือนพ่อแม่มาก เวลามันต้อนฝูงแกะ มันจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่มีหยุดเลย Karl ยังมีสายพันธุ์ใช้งานอีกสายหนึ่งที่พัฒนามาจาก Dori Aus Dem Wandershaferi แชมป์เปี้ยน HGH ปี 1956 ซึ่งลูกเพศเมียของมันคือ Alma Kirschental ได้เป็นแชมเปี้ยน HGH อันดับ 2 ในปี 1957 ส่วนลูกเพศผู้ของ Dori คือ Gero Kirschental ได้เป็นแชมเปี้ยน HGH ปี 1962
*** ข้อเขียนเรียบเรียงจากบางตอนใน WWW.Leerburg.Com. ซึ่ง Ed Fravley แห่งคอก Leerburg Kennel ในสหรัฐอเมริกา ได้บันทึกไว้เมื่อครั้งที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือน Karl และ Marion Fuller เจ้าของคอก Kirschental ผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการบรีดสุนัขเยอรมันเช็พเพอดสายใช้งาน ( โดยเฉพาะสุนัขเลี้ยงแกะ ) ให้มีรูปร่างลักษณะและสีสันสวยงาม ตามแบบที่นิยมกันในแวดวงผู้เลี้ยงสุนัขเยอรมันเช็พเพอดสายประกวดความสวยงาม โดยสุนัขจากคอกของเขายังคงไว้ซึ่งคุณสมบัติที่ดีเด่นในด้านการใช้งานจนได้ตำแหน่งแชมเปี้ยนทั้งในงาน Bundessieger และ HGH มากมาย ตลอดระยะเวลาอันยาวนานจนถึงปัจจุบัน
แนวคิดและวิธีการจับคู่ เพื่อบรีดสุนัขให้มีคุณภาพสูงสุดของเขา อาจเป็นแนวทางในการเลือกคู่ผสมให้เหมาะสมสำหรับบรีดเดอร์ที่สนใจในบ้านเราบ้างก็ได้ ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอดของเรา มีศักยภาพในการทำงานสูงและหลากหลายกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ บรีดเดอร์หรือผู้เลี้ยงที่มีความสนใจ และอยากเห็นวงการสุนัขเยอรมันเช็พเพอดของเราพัฒนาไปในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเองและต่อสังคมได้มากขึ้น ข้อเขียนนี้อาจจุดประกายให้ท่านได้เริ่มทดลองจับคู่ผสมพันธุ์เยอรมันเช็พเพอดเพื่อหวังผลในด้านคุณภาพ โดยนำหลักการและแนวคิดของท่านเจ้าของคอก Kirschental มาประยุกต์ใช้ เพื่อคัดเลือกตัวพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่ดีและมีความเหมาะสมกันที่สุด ก่อนจะลงมือผสมพันธุ์สุนัขคู่ต่อไปของท่าน
เราจะพยายามนำเสนอข้อมูลที่หลากหลาย ในแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับการจับคู่ผสมและพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อให้ท่านสมาชิกและผู้สนใจบรีดสุนัขเยอรมันเช็พเพอด ใช้เป็นแนวคิดเพื่อเป็นทางเลือก หรือเป็นแนวทางในการทดลองบรีดสุนัขเยอรมันเช็พเพอดของคุณให้มีคุณสมบัติทั้งทางรูปร่าง, สีสัน, โครงสร้างจิตประสาท, นิสัยใจคอตลอดจนความสามารถในการเรียนรู้หรือการใช้งาน ตามรูปแบบของสุนัขเยอรมันเช็พเพอด ในฝันของคุณ สักวันหนึ่งฝันอาจเป็นจริง เช่น Karl Fuller แห่ง Kirschental บ้างก็ไม่แน่เหมือนกัน***
แหล่งที่มาข้อมูล : วารสารเช็พเพอด ฉบับที่ 46 ( มิถุนายน 2544 )
แหล่งข้อมูลต้นฉบับ : http://leerburg.com/fuller.htm
อ่านบทความใน Facebook ได้ที่ http://www.facebook.com/notes/สมาคมผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอดแห่งประเทศไทย/คุยกับ-Karl-Fuller-แห่ง-Kirschental-Kennels/491242854246482