มุม (ที่ไม่เคยมีใคร) มอง ของเยอรมันเช็พเพอด

   อยากจะชวนให้หันมามองเยอรมันเช็พเพอด ในมุมที่แตกต่าง จากที่เคยเห็นกันจนคุ้นตา…..
 
   ไม่ใช่มุมขาหน้า มุมขาหลัง มุมหูกาง มุมหางตก อะไรประเภทนั้น แต่เป็นมุมเล็ก ๆ ที่มีความหมายซ่อนอยู่ในหัวใจเยอรมันเช็พเพอดทุกตัว มุมเล็ก ๆ ที่พวกมันกันไว้ในหัวใจเพื่อมอบให้แก่ผู้ที่มันรัก , ผู้ที่ได้เอาใจใส่เลี้ยงดู ให้ข้าวให้น้ำ หาเห็บหมัด เช็ดตัวแปรงขน ไม่ว่าจะทำด้วยความจำใจ (เพราะถ้าไม่ทำเขาไม่จ่ายเงินเดือน) หรือทำด้วยความรักจากใจจริง , ทำทุกวันเป็นประจำ หรือทำตอนซื้อมาวันแรกเพียงวันเดียว , หรืออาทิตย์เดียว ( เพราะยังเห่ออยู่ ) มันก็จะจดจำ จารึกไว้ในหัวใจของพวกมันจนวันตาย มันจะทำทุกอย่างที่มันคิดว่าดีกับคนที่มันรักเสมอ โดยไม่เคยลังเลหยุดคิดว่า “เอ ! แล้ว เขาจะให้เรากินดี ๆ กว่านี้ไหมนะ ถ้าเราทำนี่ให้เขา ?” เมื่อมันรู้ว่า มันมีหน้าที่ได้รับมอบหมายให้ทำอะไร มันก็จะตั้งอกตั้งใจทำอย่างดีที่สุด ไม่ว่า มันจะได้กินแต่เศษอาหารเหลือ ๆ , อดมื้อกินมื้อ หรือ จะได้กินอาหารเกรดพรีเมียม ใส่ไข่ใส่นมทุกวัน มันก็มียังคงความรับผิดชอบในหน้าที่ของมันเสมอต้น เสมอปลาย………….. ถ้าเพียงแต่มันจะได้รู้………… ว่ามันมีหน้าที่อะไร เพราะเยอรมันเช็พเพอด รักที่จะได้ทำงาน โดยเฉพาะเมื่อได้อยู่เคียงข้างคู่หูที่มันรักและไว้ใจ

   ต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของเยอรมันเช็พเพอด ในแง่มุมที่แตกต่างจากที่เราคุ้นเคย พวกมันเหล่านี้ ไม่เคยรู้จักสนามประกวด หรือแม้แต่คำสั่ง “โพสท์” ที่เยอรมันเช็พเพอดของเราคุ้นหูกันดี พวกมันอาจไม่เคยได้ยินเลย แม้แต่ครั้งเดียวในชีวิตด้วยซ้ำไป แต่เรื่องราวของพวกมันเป็นตำนาน ที่จะต้องเล่าขานต่อ ๆ กันไปในฐานะ ผู้อุทิศชีวิตเพื่อยังประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติอย่างแท้จริง

1. Shepherd Sniffs Out Illegally Harvested Shellfish (จาก Dog Fancy April 2000)

   ดาร์ท เยอรมันเช็พเพอดวัย 4 ขวบ เป็นคู่หูของ บ๊อบ แมคโดนัลล์ ทั้งคู่ทำงานอยู่ในบริติช โคลัมเบีย มีหน้าที่ ตรวจหาสัตว์ทะเล จำพวกกุ้ง หอย ปู ปลาที่มีสารพิษอันอาจจะหลุดรอดออกไปสู่ตลาดและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนทั่ว ๆ ไปได้

   ดาร์ท เป็นหมาเพียงตัวเดียวในบริติช โคลัมเบีย ที่ฝึกมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ และก็ประสบผลสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในหน้าที่การงานของมันเอง เมื่อไหร่ ที่ดาร์ทเห่า ก็เป็นที่รู้กันว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล อยู่แถว ๆ นั้นแน่นอน

   ภายในช่วงเวลา 2 เดือน ดาร์ทตรวจจับผู้กระทำผิดได้ถึง 4 ครั้ง โดยตรวจพบสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายแรงหนัก 200 ปอนด์ และอีก 3 ลัง นอกจากนั้น มันยังตรวจพบหอยเป้าฮื้อ ซึ่งได้ถูกยกเลิกการทำประมงในย่านบริติช โคลัมเบีย มานานเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว เนื่องจากใกล้สูญพันธ์เต็มที่และราคาก็แสนแพง เป็นร้อยหรืออาจถึงพันเหรียญ
   ผู้กระทำผิดถูกส่งฟ้องศาล และถูกปรับเป็นเงินถึง 3,447.83 เหรียญสหรัฐ แมคโดนัลล์กล่าวว่าดาร์ท ได้จ่ายคืนค่าเลี้ยงดูมันให้รัฐบาลไปแล้ว เพราะค่าอาหารและข้าวของเครื่องใช้ของมันนั้นก็ตกประมาณปีละ 2,758.52 เหรียญ เท่านั้นเอง

   เจย์ ฮาร์ทลิงค์ โฆษกประจำกรมประมง แคนาดา กล่าวถึงดาร์ทว่า “มันได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ว่ามันเป็นเครื่องตรวจจับที่ทรงประสิทธิภาพจริง ๆ เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ที่หมามักจะตรวจพบสิ่งที่คนเราหาไม่พบ มันเปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือพิเศษที่มาเสริมการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ประมงของเรา”

   เมื่อดาร์ท เริ่มออกปฏิบัติงานได้ประมาณ 3 วินาที มันก็ตรวจพบกระสอบบรรจุหอยกระสอบแรกฝังอยู่ใต้หินบริเวณชายหาดแวนคูเวอร์, 15 นาที ต่อมา มันก็เจอกระสอบที่ 2, ภายในสัปดาห์นั้น มันได้ตรวจพบ หอยที่ถูกลักลอบจับขึ้นมาจากทะเล จำนวนมากมายซึ่งปนเปื้อนสารพิษร้ายแรง หอยแบบนี้เพียงตัวเดียวถ้ากินเข้าไปก็ถึงตายได้ทีเดียว ภายหลังได้สอบสวนพบว่าหอยเหล่านี้กำลังจะถูกส่งไปขายยังภัตตาคารแห่งหนึ่งในแคนาดานี่เอง. ผู้ที่ลักลอบจับสัตว์น้ำเหล่านี้. ย่อมจะรู้ดีกว่าใครถึงอันตรายของมัน เพราะมีป้ายประกาศอยู่แล้วว่า “อันตราย ! สัตว์น้ำบริเวณนี้มีพิษต่อการบริโภค” “ตลอดชายฝั่งของเราปนเปื้อนสารพิษทั้งนั้น พวกเราเป็นห่วงว่าอาหารเหล่านี้จะถูกส่งเข้าตลาดกลาง” แมคโดนัลล์ปรารถ

   จมูกหมาอย่าง เยอรมันเช็พเพอด ยังคงสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นของหอยพวกนั้นแม้จะถูกฝังอยู่โดยมีก้อนหินทับข้างบน , จมูกที่ไวกว่าคนถึง 50,000 เท่า ดาร์ท ถูกฝึกให้ดมหาหอยเป๋าฮื้อก่อน , ต่อมาก็พวกหอยกาบต่าง ๆ ส่วนหอยนางรมนั้น มันหัดดมของมันเอง แมคโดนัลล์ฝึกมันโดยจะให้รางวัลเป็นขนมบิสกิท ทุกครั้งที่มันหาหอยที่ถูกซุกซ่อนอยู่พบ. แมคโดนัลล์ เล่าว่า “มันเป็นหมาที่กระตือรือร้นอยากจะทำงานตลอดเวลา , พอผมหยิบปลอกคอใส่ทำงานขึ้นมา มันจะรีบยื่นหัวแหย่เข้ามาทันที พยายามจะใส่ปลอกคอเอง ผมก็จะบอกมันว่า อ้อ ! เราจะออกไปหาปลากันใช่ไหม ? มันก็จะแบบว่า กระโจนผึงเลยละ”

   ตอนอยู่บ้าน ดาร์ท ก็จะเป็นอีกแบบนึง ชอบเล่นเคี้ยวลูกบอล แล้วก็นอนกลิ้งเกลือกขึ้นมาบนตักของแมคโดนัลล์ ทำตัวเป็นหมาน้อยน่ารัก ลืมไปว่าตัวมันหนักถึง 100 ปอนด์ กรมประมงซื้อมันมาตอนอายุได้ 6 เดือน และแมคโดนัลล์ ก็เป็นคนเลี้ยงดูมันมาตั้งแต่ตอนนั้น

   แมคโดนัลล์พิมพ์การ์ด รูปหน้าของดาร์ทไว้แจกให้กับเด็กนักเรียน เวลาไปเยี่ยมตามโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อคุยให้เด็ก ๆ เข้าใจเกี่ยวกับงานของเขา

   “เด็ก ๆ รักและชื่นชมหมาตัวนี้มากจริง ๆ มันช่วยเราได้มากในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนเข้าใจถึงการทำงานของพวกเรา” ฮาร์ทลิงค์กล่าวถึงดาร์ท
   คำขวัญที่พิมพ์ไว้บนการ์ดโฆษณา 10,000 ใบ ของกรมประมงแคนนาดา เป็นข้อความว่า

   “เพื่อการป้องกัน และตรวจหา” เด็ก ๆ ที่ได้อ่านจะรู้ว่า เมื่อไรที่ดาร์ทไม่ได้ออกไปทำงานดมหาปลาหาหอยที่มีพิษ , มันก็ชอบที่จะเล่นกับเด็ก ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ในการ์ดก็ยังไม่ได้บอกถึงเรื่องราวของดาร์ทอีกมากมาย เช่น

  • ดาร์ท ย่อมาจาก ดาร์ดาญังทหารเอกตัวสำคัญ ในเรื่อง สามทหารเสือ (Three Musakteers)
  • ดาร์ท ได้เล่นหนังสารคดีทางทีวี เป็นตอน ๆ ชื่อ “Dogs with Jobs” หรือ “หมากับงานของหมา” ซึ่ง PBS จะออกอากาศภายในปีนี้
  • ดาร์ท มีผ้าห่ม และชามน้ำ ส่วนตัว อยู่ที่สำนักงานการประมงแห่งแคนาดา
  • ดาร์ท เปิดประตูสำนักงานเองทุกวัน โดยโดดขึ้นแล้วเขี่ยมือจับประตูลง

   แมคโดนัลล์เล่าว่า ผมน่ะ โดนล้ออยู่เรื่อยว่า อ้อนี่มันหมาตัวดังนี่ , แล้ว คุณละ ใครกัน ?

   ดาร์ทเหมือนหมาธรรมดาทั่วไป ที่พอได้ยินเสียงกุญแจรถกรุ๊กกริ๊ก มันก็จะพุ่งไปรอที่ประตูเตรียมพร้อมเสมอที่จะออกไปกับบ๊อบ…..เพื่อทำงาน มันรักการทำงานจริง ๆ ! !

2. Dogs of War.


แหล่งที่มารูปภาพ : http://leerburg.com/wardog.htm

   ในสงครามเวียดนาม เมื่อปี 1969 ใกล้กับเมืองดานัง ขณะที่นาวิกโยธินอเมริกันกับสุนัขสงครามเยอรมันเช็พเพอดคู่หู ชื่อ บรูซเซอร์ กำลังออกลาดตะเวณ สะกดรอยตามกลิ่นศัตรูอยู่นั้น บรูซเซอร์ก็หยุดชะงักกระทันหันชูจมูกขึ้นสูง, หูตั้งชัน คู่หูของมันตัดสินใจยิงกราดเข้าไป วินาทีถัดมา ฝ่ายศัตรูก็ตอบโต้กลับมาอย่างรุนแรงทั้งด้วยปืนและระเบิด จอห์น ฟลาเนลลี่ คู่หูของบรูซเซ่อร์ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส แต่บรูซเซอร์ก็พยายามลากเขาเข้าสู่ที่กำบังอย่างปลอดภัย โดยไม่ฟังคำสั่งของจอห์นที่บอกให้มันทิ้งเขาไว้ที่นั่น ขณะที่ตัวมันเองก็ถูกยิงถึง 2 นัด ระหว่างการช่วยชีวิตจอห์น ทหารบางส่วนเสียชีวิตในที่รบ แต่หลายคนรวมทั้งจอห์นที่รอดมาได้ ด้วยสัญญาณเตือนภัยจากบรูซเซ่อร์ นั่นเอง

   ฟลาเนลลี่เล่าถึงบรูซเซ่อร์ ในงานเลี้ยงเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ในนครนิวยอร์คว่า “บรูซเซ่อร์ ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตผมเท่านั้น   มันได้ช่วยอีกหลายชีวิตในกองนาวิกโยธินของผม” ฟลาเนลลี่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ขณะเล่าถึงบรูซเซ่อร์ “ผมไม่มีวันที่จะตอบแทนมันได้สมกับสิ่งที่มันได้ทำให้ผม ผมเป็นหนี้บุญคุณหมาตัวนั้นด้วยชีวิต”

   งานเลี้ยงวันนั้น จัดขึ้นโดย บริษัทอาหารสัตว์เนเจอร์ เรซิพี, ซึ่งได้มีการฉายภาพยนต์สารคดี (ตัวอย่าง) เรื่อง War Dogs, American’s Forgotten Heroes (สุนัขสงคราม, วีระบุรุษผู้ถูกลืม ของอเมริกา) โดยมี มาร์ติน ซีน ดาราภาพยนต์ชื่อดังเป็นผู้บรรยาย ภาพยนต์เรื่องนี้ สร้างจากเรื่องจริงอันเจ็บปวดและแสนเศร้าของสุนัขสงครามและทหารคู่หู แสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ทำหน้าที่อย่างกล้าหาญเพียงใด ในการช่วยป้องกันการบาดเจ็บล้มตายของมนุษย์อีกมากมายในสงครามครั้งนั้น

   บรูซเซ่อร์เป็นหนึ่งในสุนัขสงครามจำนวนกว่า 4,000 ตัว พวกมันเข้าปฏิบัติหน้าที่โดยเริ่มแรกเป็นสุนัขเฝ้ายามให้แก่ค่ายทหารสหรัฐอเมริกา และ เวียดนามใต้ ในช่วงการก่อสร้างและติดตั้งอุปกรณ์ หลังจากนั้นมันก็เข้าปฏิบัติการร่วมกับทหารในแผนปฏิบัติการโจมตีผู้ก่อการร้ายเวียดกง สุนัขเหล่านั้นเป็นผู้ชำนาญการ ในปฏิบัติการต่าง ๆ ตั้งแต่การตรวจหากับระเบิด, กับดักชนิดต่าง ๆ ทั้งแบบหลุมพราง, แบบขึงเชือกและแบบอื่น ๆ ตลอดจนการรับรู้และเตือนภัยล่วงหน้าถึงการจู่โจมของศัตรู

   หัวหน้าหน่วยสัตว์แพทย์ทหารขณะนั้น เล่าถึงวันที่เขาได้รับคำสั่งให้ตัดสินชะตาชีวิตของสุนัขสงครามที่เหลือ หลังจากสหรัฐฯ สั่งถอนทหารออกจากเวียดนาม “มีทางเลือกอยู่ 2 ทางสำหรับพวกมันคือ ส่งมอบให้กองทัพเวียดนามใต้หรือมิฉะนั้นก็ฉีดยาให้มันตาย, ทุกวันนี้ ผมแทบไม่สามารถมองหน้าเยอรมันเช็พเพอดตัวไหนได้อีก เพราะมันทำให้ผมสะเทือนใจอย่างที่สุด เมื่อนึกถึงสายตาของเยอรมันเช็พเพอดที่ถูกพวกเราทอดทิ้งไว้ที่เวียดนามในครั้งนั้น” เขากล่าวเสริมว่า “ถ้ารู้ว่าจะต้องไปทำอะไรแบบนั้นที่เวียดนามผมคงไม่เลือกเรียนสัตวแพทย์ตั้งแต่แรกแล้ว”

   ไม่มีใครได้รู้ชะตากรรมที่แท้จริงของเยอรมันเช็พเพอดเหล่านั้นอีกเลย ว่ากันว่าพวกมันบ้างก็ถูกฆ่ากิน, บ้างก็ช้อคตายเพราะอากาศร้อนจัด, บ้างก็ถูกทิ้งให้อดอยากจนตายไปเอง แต่ความจริงที่น่าเจ็บปวดที่สุดคือ พวกมันส่วนใหญ่ถูกฉีดยาให้ตายโดยเงื้อมมือของคนจากประเทศบ้านเมืองเดียวกันกับมันนั่นเอง

   ไม่มีใครในสหรัฐอเมริกา ในเวลานั้นกล่าวถึง หรือแม้แต่จะนึกถึงวีระบุรุษสงครามผู้ได้เสียสละทั้งชีวิต เพื่อดูแลปกป้อง เหล่าทหารที่อาจจะเป็นพี่, น้อง, เพื่อน หรือแม้แต่พ่อ ของประชาชนชาวอเมริกันทั้งหลาย พวกมันเป็นวีระบุรุษที่ถูกลืมจริง ๆ จะมีก็แต่คู่หูผู้ที่มันรักและรักมันผู้ที่เคยมีมันอยู่เคียงข้างในยามสงครามเท่านั้นที่จะยังควรระลึกถึงพวกมันอยู่ตลอดไปชั่วชีวิต ดังเช่น ชาลี คาร์โก้ อดีตนาวิกโยธิน ผู้สวมสร้อยคอที่ดัดแปลงทำขึ้นจากโซ่คอของวูลฟ์ คู่หูสุนัขสงครามของเขา ชาร์ลี สวมสร้อยนี้ติดตัวตลอดเวลาด้วยเหตุที่ว่า “สร้อยเส้นนี้แทนคำสัตย์สาบานจากผมถึงวูล์ฟว่า สายสัมพันธ์ระหว่างเราจะคงอยู่ตลอดไป” ชาร์ลีกล่าวทั้งน้ำตา

   “สุนัขสงครามเหล่านี้ สมควรได้รับเกียรติยศ และการตอบแทน เช่นเดียวกับบรรดาทหารอเมริกันผ่านศึกจากสงครามเวียดนาม” เจฟฟรี พี เบนเนต ผู้ร่วมอำนวยการสร้างภาพยนต์เรื่องนี้ และเป็นประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท เนเจอร์ เรซีพี ผู้ริเริ่มและระดมทุนเพื่อการสร้างภาพยนต์เรื่องนี้ด้วย ได้กล่าวในที่สุด “สุนัขเหล่านี้ไม่เคยได้รับเหรียญกล้าหาญ หรือการแสดงความสำนึกในวีรกรรมของพวกมันเลยแม้แต่อย่างเดียว และสารคดีเรื่องนี้เอง จะเป็นโอกาสที่พวกเราจะได้แสดงออกในส่วนนี้”

   ภาพยนต์ได้รวบรวมบทสัมภาษณ์ ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นความจริงอย่างแน่นอน เพราะเป็นคำบอกเล่าด้วยตัวเองจากเหล่าทหารคู่หูของสุนัขสงคราม และจากผู้ใกล้ชิดอยู่ในเหตุการณ์ช่วงสงครามภาพยนต์เรื่องนี้ จะออกอากาศทางช่อง ดิสคอฟเวอรี่ และขณะนี้เริ่มทำเป็นวีดีโอเทปออกจำหน่ายพร้อมกับอาหารสัตว์เนเจอร์เรซิพี รายได้จากการขายส่วนหนึ่ง จะนำไปสร้างอนุสาวรีย์สำหรับสุนัขสงคราม 2 แห่ง ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณปี 2000 นี้ แห่งแรกกำหนดจะเปิดแพรคลุมป้ายในวันประธานาธิบดี (President Day) …….ณ สุสานแห่งชาติริเวอร์ไซด์ ในแคลิฟอร์เนีย ส่วนแห่งที่ 2 กำหนดไว้ว่าจะสร้างที่ วอชิงตัน ดี.ซี.
 
หมายเหตุ : ในเมืองไทยจะชมภาพยนต์สารคดีเรื่องนี้ได้ จากช่อง National Geographic Channel หรือช่อง 42 ของยูบีซี โดยตรวจสอบวันเวลาจากหนังสือแจ้งรายการของยูบีซี ในแต่ละเดือน เพราะจะมีการออกอากาศหลายครั้ง โอกาสต่อไปจะได้เล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับเนื้อหาของสารคดีเรื่องนี้ เพื่อให้ได้มองเห็นมุมที่ต่างออกไปของเยอรมันเช็พเพอดได้ชัดเจนลึกซึ้งขึ้นกว่านี้ คนที่เลี้ยงเยอรมันเช็พเพอด หากได้ดูภาพยนต์เรื่อง “War Dogs, American’s Forgotten Heroes” นี้แล้ว ไม่รู้สึกสะเทือนใจบ้างเลยแม้แต่น้อย ก็น่าจะต้องจัดการขายเยอรมันเช็พเพอดแล้วไปหาซื้อ งูอนาคอนดา หรือ มังกรโคโมโด มาเลี้ยงแทน น่าจะเหมาะกว่า.

คลิปวิดีโอเกี่ยวกับ War Dogs

เรียบเรียงโดย : วิภาดา.

แหล่งที่มาข้อมูล : วารสารเช็พเพอด ฉบับที่ 45 (กันยายน 2543)

อ่านบทความใน Facebook ได้ที่ http://www.facebook.com/notes/สมาคมผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอดแห่งประเทศไทย/มุม-ที่ไม่เคยมีใคร-มอง-ของเยอรมันเช็พเพอด/523624624341638