Skip to main content

ประวัติและการแบ่งกลุ่มของเยอรมันเช็พเพอด

มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมนี ถูกพัฒนาพันธุ์ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อใช้เป็น "สุนัขต้อนแกะ" ซึ่งสุนัขที่จะนำมาใช้ทำงานแบบนี้ได้ต้องมีลักษณะที่ดีเด่น ครบถ้วนจริงๆ จึงจะทำงานได้ดี กล่าวคือ ต้องมีลักษณะทางร่างกายที่แข็งแรง มีความอดทนคล่องแคล่ว ปราดเปรียว ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีขนาดใหญ่โต พอที่จะทำให้ฝูงแกะเกรงกลัว ต้องมีจิตใจมั่นกล้าหาญในการต่อสู้ ปกป้องฝูงแกะ มีความตั้งใจที่จะทำงาน และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็จะต้องมีวินัย เชื่อฟังเจ้าของ ไม่ก้าวร้าว ดุร้าย หรือ คุกคามทำร้ายสัตว์อื่นๆในฝูง เยอรมันเช็พเพอด ได้รับการพัฒนาพันธุ์อย่างพิถีพิถันและต่อเนื่อง เพื่อให้มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นอย่างครบถ้วนมาหลายชั่วอายุ และประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ จนได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งท้องทุ่งปศุสัตว์ของเยอรมนี" มานานนับร้อยปี

คุณสมบัติพิเศษหลากหลายประการของเยอรมันเช็พเพอด ทำให้มันถูกนำไปฝึกใช้งานอื่นๆอีกหลายอย่าง ได้แก่ สุนัขสงคราม , สุนัขตำรวจ , สุนัขนำทางคนตาบอด , สุนัขค้นหาและช่วยชีวิต ฯลฯ ซึ่งมันก็สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ในงานทุกประเภท ไม่มีใครสามารถคำนวณได้ว่า สุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอดได้ช่วยชีวิตคนไว้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และสงครามโลกครั้งที่สอง โดยการดมกลิ่น หาทหารที่บาดเจ็บ , การถือสาร และลำเลียงเวชภัณฑ์ , การส่งสัญญาณเตือนหน่วยลาดตระเวนในป่าต่อการถูกซุ่มโจมตี ตลอดจนการตรวจรักษาแนวชายฝั่งทะเล เพื่อป้องกันการก่อวินาศกรรม และการค้นหาชาวบ้านที่ถูกซากปรักหักพังทับถมอยู่ เนื่องจากการถูกระเบิดทางอากาศ ซึ่งได้พิสูจน์ให้โลกเห็นมาแล้ว ว่า........

บุคคลที่สมควรแก่การยกย่องมากที่สุด ได้แก่ ร้อยเอกทหารม้า ชื่อ แมกซ์ฟอนสเตฟานิตช์ ( Max von Stephanitz )

Max von Stephanitz

ซึ่งได้ลงเรี่ยวลงแรง แข็งขัน เพื่อพัฒนาพันธุ์สุนัขพันธุ์นี้ให้เข้าสู่มาตรฐาน เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1864 และได้เจริญเติบโตเรื่อยมา จนกลายมาเป็นสโมสรสุนัขที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยการเพาะพันธุ์สุนัขพันธุ์นี้ จากความพยายามของ ร้อยเอก ฟอนสเตฟานนิตช์ กับพรรคพวก ที่ได้พยายามเสาะหาสุนัขที่ใช้งานได้ดีและฉลาด และในที่สุดก็ได้ผลที่น่าภาคภูมิใจ ซึ่ง ร้อยเอก ฟอนสเตฟานิตซ์ ได้ฝากข้อคิดไว้เพื่อเตือนใจให้แก่นักเพาะพันธุ์รุ่นหลังอย่างน่าฟังว่า Take this trouble for me : Make sure my shepherd dog remains a working dog , for I have struggled all my life long for that aim. การพัฒนาพันธุ์จำต้องมีกระบวนการคัดเลือกสุนัขที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และดีที่สุดสำหรับนำมาใช้เป็นพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์ เพื่อขยายพันธุ์ให้ได้ลูกสุนัขที่มีลักษณะดีที่สุดเช่นเดียวกัน กระบวนการหนึ่งก็คือ การจัดประกวดสุนัข ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อคัดเลือก หาสุนัขที่มีลักษณะดี ถูกต้อง ตรงตามมาตรฐานมากที่สุด สำหรับใช้เป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์สืบต่อไป มีการกำหนดคุณลักษณะที่ถูกต้องของสุนัข ที่จะใช้เป็นมาตรฐานประจำพันธุ์เยอรมันเช็พเพอด เพื่อใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินคัดเลือก สรรหาสุนัขที่มีลักษณะดีที่สุดในการประกวด นอกเหนือจากรูปร่างลักษณะทางโครงสร้างร่างกายที่สวยงามและถูกต้องแล้ว ยังต้องมีกระบวนการทดสอบ การทดสอบที่สำคัญคือ 

  • ความอดทน (AD)
  • ความสามารถในการทำงานพื้นฐาน คือ การสะกดรอย หรือการตามรอย (Tracking)
  • ความมีวินัยเชื่อฟังคำสั่ง (Obedience)

ความกล้าหาญในการต่อสู้ป้องกัน (Protection) มีการกำหนดกฎระเบียบการทดสอบสุนัขอารักขา (Schutzhund) เพื่อใช้เป็นเกณฑ์การคัดเลือกสุนัขที่มีความสามารถในการทำงาน และมีจิตประสาทที่มั่นคง สำหรับใช้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ต่อไป จะเห็นว่า ได้มีกระบวนการพัฒนาพันธุ์สุนัขพันธุ์ "เยอรมันเช็พเพอด" อย่างต่อเนื่องเป็นระบบ อันนำไปสู่เป้าหมาย เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หลัก คือ การมีสุนัขที่มีคุณสมบัติครบถ้วน/สมบูรณ์แบบตามมาตรฐานที่กำหนด และสามารถใช้งานได้อเนกประสงค์จริงๆ เช่นสุนัขพันธุ์ "เยอรมันเช็พเพอด" นี้ ในปัจจุบัน เยอรมันเช็พเพอดได้พัฒนาพันธุ์ จนมีลักษณะเฉพาะที่แน่นอนตามมาตรฐานพันธุ์ ทั้งลักษณะภายนอก คือ โครงสร้างของร่างกาย และลักษณะภายใน คือ จิตใจที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ จิตประสาท , มีแรงขับ หรือ ความตื่นตัวที่จะทำงาน รวมทั้ง ความเฉลียวฉลาด ความสามารถในการเรียนรู้ จึงมีการนำมาฝึกใช้งานอื่นๆ อีกหลายอย่าง และเป็นที่รู้จักแพร่หลายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีการจำแนกคุณสมบัติเฉพาะของเยอรมันเช็พเพอดไว้เป็นกลุ่มๆ ตามวัตถุประสงค์ของผู้เลี้ยง ว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในด้านใด โดยอาจจำแนกได้ 3 กลุ่มหลักๆ คือ

1. เพื่อการประกวด สุนัขในกลุ่มนี้จะมีการพิถีพิถันคัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์เป็นพิเศษ ให้ได้ลักษณะทางโครงสร้างร่างกายและสีสัน ที่สวยงาม และถูกต้องตามมาตรฐานประจำพันธุ์มากที่สุด ลูกสุนัขแต่ละครอก จะได้รับการแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยขจัดลักษณะด้อย หรือ ข้อเสียทางร่างกาย ที่เห็นในรุ่นพ่อ-แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยายให้ลดไปเรื่อยๆ และส่งเสริมลักษณะเด่นให้ดีขึ้น จนใกล้เคียง หรือถูกต้อง ตามมาตรฐานประจำพันธุ์ให้มากที่สุด ผู้ผสมพันธุ์สุนัขเพื่อประกวดนี้ ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องมาตรฐานของสายพันธุ์เป็นอย่างดี มีสายตาที่แม่นยำ เฉียบคม สามารถสังเกตเห็นลักษณะเด่นหรือด้อย ในสุนัขได้ ดังนั้น ในการผสมพันธุ์แต่ละครั้ง จะต้องคัดสรรพ่อ-แม่พันธุ์อย่างละเอียด เพื่อจุดประสงค์ให้ได้ลูกสุนัขที่มีลักษณะสวยงาม ถึงขั้นที่มีคุณภาพระดับประกวดอย่างแท้จริง การเน้นพัฒนาพันธุ์ในด้านโครงสร้างร่างกายให้ได้สมบูรณ์แบบที่สุด และความต้องการลักษณะเด่นของพ่อพันธุ์หลักมากที่สุด บางครั้งอาจทำให้จำเป็นต้องมีบรรพบุรุษร่วม (Inzutch) หลายตัว ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในทางกลับกัน คือการถ่ายทอดลักษณะด้อย (ที่แฝงอยู่ในสายของพ่อพันธุ์หลัก) ได้

2. เพื่อการใช้งาน สุนัขในกลุ่มนี้แบ่งย่อยได้อีกเป็น

  1. สุนัขสำหรับใช้ทำงานจริง เช่น สุนัขตำรวจ , สุนัขสงคราม , สุนัขนำทาง , สุนัขดมกลิ่น ฯลฯ
  2. สุนัขสำหรับฝึกเพื่อแข่งขันกีฬา เช่น กีฬา Schutzhund , กีฬา Ring Sport , กีฬา Agility หรือกีฬา Flyball เป็นต้น

สุนัขในกลุ่มสุนัขสำหรับใช้ทำงานนี้ อาจมีราคาสูงเท่าหรือสูงกว่า สุนัขคุณภาพระดับประกวด ก็เป็นไปได้...หากสุนัขตัวนั้นมีคุณภาพระดับลงสนามแข่งขัน ในงานแข่งระดับประเทศ หรือระดับโลก แม้ว่าอาจจะมีโครงสร้างร่างกายและสีสันไม่ถึงขั้นสวยงามน่าดูเช่นสุนัขประกวด เนื่องจากได้รับการพัฒนาในจุดประสงค์ที่แตกต่าง สุนัขกลุ่มนี้จะมีคุณสมบัติเด่น เพื่อการใช้ทำงานและมีความสามารถสูงที่จะรับการฝึก (Trainability) ได้ทุกรูปแบบ ตามวัตถุประสงค์ ที่จะนำไปใช้ทำงานด้านต่างๆ สุนัขกลุ่มใช้งานที่เรียกว่า สุนัขสำหรับฝึกเพื่อแข่งขันกีฬา (Sport Dog) โดยเฉพาะกีฬาชุทซ์ฮุนด์ จะถูกพัฒนาโดยเน้นให้มีแรงขับ (Drive) สูงที่สุด ส่วนใหญ่จะถูกเลี้ยงให้อยู่ในที่จำกัด ให้อยู่ตามลำพัง ทำให้มีแรงขับสะสมสูงเต็มที่ และพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงและทรงพลังเมื่อปล่อยออกมาลงสนามฝึกหรือสนามแข่งขัน ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงครั้งละ 15-30 นาที แรงขับที่สูงมากนี้ทำให้ดูเหมือนว่าแทบจะไม่สามารถควบคุมได้ในช่วงการฝึก หากไม่มีอุปกรณ์ช่วยควบคุม เช่น โซ่หนาม (Prong collar) หรือปลอกคอไฟฟ้า (Electronic Collar) ช่วยบังคับในการฝึก แต่อย่างไรก็ตาม สุนัขในกลุ่มนี้ได้พัฒนาจนมีจิตประสาทที่มั่นคงมาก เพราะหากสุนัขตัวใดขาดคุณสมบัติข้อนี้ จะไม่สามารถนำไปฝึกเพื่อทำงานใดได้เลย

3. เลี้ยงเป็นสมาชิกในบ้าน สุนัขกลุ่มนี้อาจจะไม่สวยงามมากถึงระดับพอที่จะลงสนามประกวด และไม่มีแรงขับมากพอที่จะนำไปฝึกเพื่อใช้แข่งขันกีฬาหรือทำงานได้ ดังนั้น จึงมักมีราคาย่อมเยากว่า 2 กลุ่มแรกมาก ( แต่หากเปรียบเทียบโดยการให้ความรักก็คงไม่น้อย หรืออาจมากกว่า 2 กลุ่มแรกด้วยซ้ำไป ) สุนัขกลุ่มนี้เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง และมีโอกาสได้เป็น เพื่อนคู่ใจคุณได้ดีกว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณและครอบครัวได้มากกว่า เพราะ...ไม่ต้องคอยเก็บตัวเพื่อซ้อมสำหรับลงประกวดหรือลงสนามแข่ง และในที่สุดแล้ว เขาก็จะสามารถเป็นสุนัขอารักขา และสุนัขเฝ้าบ้านให้คุณได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณให้เวลาดูแล และฝึกเขาบ้าง ก็จะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างคุณและสุนัขของคุณได้ดีมากขึ้น จากที่กล่าวมาข้างต้น ตอนนี้ คุณก็ต้องพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ สภาพแวดล้อมของ สถานที่ เวลา สภาพร่างกาย และสุขภาพ ทั้งของตัวคุณ และสมาชิกในครอบครัวของคุณว่า ปัจจัยเหล่านี้..เอื้อ หรือมีข้อจำกัดอย่างไรหรือไม่ หากคุณจะเลี้ยงเยอรมันเช็พเพอด เพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่กล่าวมา......

เมื่อคุณพบคำตอบแล้วว่า คุณต้องการจะเลี้ยงเยอรมันเช็พเพอดเพื่ออะไร เมื่อนั้นคุณก็สามารถกำหนดเป้าหมายในใจ เพื่อเลือกหาเยอรมันเช็พเพอด/ที่มีคุณสมบัติตามที่คุณต้องการให้เหมาะสมตรงตามวัตถุประสงค์

อ่านบทความใน Facebook ได้ที่ http://www.facebook.com/notes/สมาคมผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอดแห่งประเทศไทย/ประวัติและการแบ่งกลุ่มของ-เยอรมันเช็พเพอด/487863724584395